เสื้อผ้า

เสื้อผ้า หรือ เครื่องแต่งกาย หรือ เครื่องนุ่งห่ม เป็นสิ่งที่มนุษย์สวมใส่เพื่อปกป้องร่างกายจากสภาวะอากาศ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความสุภาพ และเพื่อสะท้อนถึง สังคม ศาสนา วัฒนธรรม รวมถึง รสนิยมเฉพาะตัวบุคคลด้วย เสื้อผ้าบางชนิดอาจออกแบบให้สวมใส่เฉพาะเพศ แต่ไม่นับกรณีการแต่งตัวข้ามเพศ
เสื้อผ้าที่ใส่เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐาน ใส่ไว้เพื่อป้องกันร่างกายไม่ให้ได้รับความอันตรายจากสิ่งแวดล้อมอย่างอากาศ แสงแดดที่รุนแรง ความหนาวสุดขั้ว ฝน กันแมลง สารเคมี อาวุธ และอันตรายอย่างอื่น
มนุษย์ยังประดิษฐ์เสื้อผ้าเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่าง ๆ การใช้ทำงาน เช่น ชุดอวกาศ, ชุดเกราะ, ชุดว่ายน้ำชุดดำน้ำ, ชุดกันผึ้ง, เสื้อหนังขับมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น คนเรายังประดิษฐ์ ประดับสิ่งต่าง ๆ ในร่างกาย อย่าง หมวก ก็อาจจะเรียกว่าเครื่องแต่งกาย
เสื้อ (อังกฤษtop) เป็นเครื่องสวมกายท่อนบน คือ เครื่องนุ่งห่มร่างกายมนุษย์ตั้งแต่คอถึงสะโพก แต่บางทีอาจสั้นเพียงกลางลำตัว หรืออาจยาวถึงเข่าก็ได้
เสื้อบุรุษนั้นมักคู่กับกางเกง และเสื้อสตรีมักคู่กับกางเกงหรือกระโปรง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเพราะในสมัยยุคใหม่แฟชั่นการแต่งตัวสามารถประยุกต์เสื้อคู่กับเครื่องนุ่มห่มอื่นๆได้หลากหลาย เสื้อรูปแบบทั่วไปได้แก่ ทีเชิร์ต (t-shirt), เชิร์ต (shirt) และเบลาส์ (blouse)
เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มุนษย์ต้องการในการดำรงชีวิตเพื่อปกปิดร่างกายและให้ความอบอุ่น ความเจริญของมนุษย์ทำให้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เสื้อผ้ายังบ่งบอกถึงลักษณะของผู้สวมใส่ได้ด้วย เช่น ฐานะ, เชื้อชาติ, ฯลฯ
การพัฒนาของแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การเมือง เศรษฐกิจ ภูมิอากาศ ฯลฯ ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 แฟชั่นโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะปี ค.ศ. 1920 - 1930 หรือเรียกว่ายุค แฟลปเปอร์ (Flapper) ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นเป็นครั้งแรก และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้หญิงต้องออกจากบ้านเพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเสื้อผ้าที่สวมใส่ย่อมเปลี่ยนไปเพื่อเอื้อประโยชน์ในผู้สวมใส่มากขึ้น กางเกงจึงเป็นที่นิยม ตั้งแต่ยุคแฟลปเปอร์เป็นต้นมา แฟชั่นของโลกได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล เพราะการติดต่อสื่อสารของโลกตะวันตกและตะวันออกเป็นได้เปิดกว้างมากขึ้น มีการไปมาหาสู่กัน แฟชั่นของโลกตะวันตกจึงเข้ามามีบทบาทกับโลกตะวันออก เช่น คนไทยรณรงค์ให้สวมหมวก หรือ ผู้หญิงไทยเลิกสวมโจงกะเบน เพื่อความเป็นสากล
ลักษณะหรือแบบแผนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแต่ละยุคสมัย เรียกว่า สไตล์ (Style) แต่ละคนมีสไตล์การแต่งตัวไม่เหมือนกัน เช่น บางคนชอบแต่งตัวสไตล์ พั้งค์ (Punk) หรือเด็กสาวๆชอบสไตล์เซ็กซี่ ที่ฝรั่งเรียกว่า ราซี่ (Racy or Provocative) ส่วนคำว่า เทรนด์ (Trend) คือ แฟชั่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยม
สไตล์การแต่งตัวสามารถจำแนกได้เป็นประเภทนับไม่ถ้วน ต่อไปนี้เป็นสไตล์เด่นๆ หลักๆ ที่เป็นที่นิยมในอดีตจนปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าเป็นคลาสสิก เพราะแต่งเมื่อไร ก็ไม่ถูกมองว่าเชยหรือตกรุ่น อย่างไรก็ตามยังมีบางสไตล์ที่เคยล้าสมัยไปแล้วอาจเวียนกลับมาเทรนด์อีกครั้ง
างเกงหรือกางเกงขายาว (อังกฤษtrousers หรือ pants[1]) เป็นชิ้นเสื้อผ้าซึ่งสวมใส่ร่างกายท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงข้อเท้า คลุมขาทั้งสองแยกกัน ไม่เหมือนกับกระโปรงหรือชุดกระโปรง กางเกงขาสั้น (shorts) คล้ายกับกางเกง แต่ขากางเกงขาสั้นยาวลงมาถึงเพียงบริเวณเข่าเท่านั้น จะสูงหรือต่ำกว่าเข่านั้นขึ้นอยู่กับแบบ
ในโลกตะวันตกส่วนมาก ผู้คนสวมกางเกงตั้งแต่สมัยโบราณและตลอดยุคกลาง กลายมาเป็นแบบเครื่องแต่งกายท่อนล่างของบุรุษที่พบเห็นบ่อยที่สุดในสมัยใหม่ แม้กางเกงขาสั้นจะมีผู้ใส่มาก และกระโปรงสก๊อต (klit) และเครื่องแต่งกายอื่นจะมีผู้สวมใส่ในหลายภูมิภาคและวัฒนธรรมเช่นกัน กางเกงขาสั้นนิยมใส่ในอากาศร้อนหรือเวลาเล่นกีฬาบางชนิดมากกว่า และเด็กมักสวมใส่กางเกงขาสั้น นับแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 กางเกงได้แพร่หลายสำหรับสตรีเช่นกัน กางเกงสวมที่สะโพกหรือเอว และอาจมีตัวเกี่ยวรัดไว้ เช่น เข็มขัดหรือสายเอี๊ยม (suspenders) หรือที่รั้ง (braces)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น